ทำไม? การท่องอยู่ในโลกโซเชียลที่มากเกินไปจึงส่งกระทบต่อสุขภาพจิตและเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
บางส่วนจาก บทความของเว็บไซต์ กรุงเทพธุรกิจ
เหตุผลต่อไปนี้อาจตอบคำถามดังกล่าวได้
หมายเหตุ : สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ Electronic Transactions Development Agency (ETDA) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย ปี 2564 พบว่าคนไทยใช้งานโซเชียลมีเดียยาวนานถึง 9 -12 ชั่วโมงต่อวัน
1. เล่น “โซเชียลมีเดีย” เกินพอดี เสี่ยงภาวะ “ซึมเศร้า”
มีรายงานจาก American Academy of Pediatrics ระบุถึงผลกระทบด้านลบของโซเชียลมีเดียในเด็กเล็กและวัยรุ่น เอาไว้ว่า การเล่นโซเชียลมีเดียบ่อยๆ และต่อเนื่องทุกวันจนมีลักษณะเสพติด อาจทำให้เกิด “ภาวะซึมเศร้า” และภาวะนี้อาจเกิดขึ้นได้กับวัยผู้ใหญ่ด้วย โดยอาการของการเสพติดซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิต ได้แก่ การละเลยชีวิตส่วนตัว, ความหมกมุ่นทางจิต, ไม่เข้าสังคม, อารมณ์แปรปรวน, ความอดทนต่ำ ฯลฯ และเมื่อหยุดเล่นโซเชียลก็จะมีอาการหงุดหงิด หรือวิตกกังวล เป็นต้น
2. โซเชียลมีเดียทำให้เศร้ามากขึ้น มีความสุขน้อยลง
มีงานวิจัยบางชิ้นระบุว่า “ยิ่งเราใช้โซเชียลมีเดียมากเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีความสุขน้อยลงเท่านั้น” โดยพบว่าการเล่นโซเชียลมีเดียเชื่อมโยงกับความสุขที่เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ และทำให้ความพึงพอใจโดยรวมในชีวิตลดลง เนื่องจากการท่องอยู่บนโลกโซเชียลตลอดเวลาจะทำให้คุณตัดขาดจากโลกชีวิตจริง ทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวทางสังคมมากขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นบ่อนทำลายสุขภาพจิตใจโดยไม่รู้ตัว
3. “โซเชียลมีเดีย” เป็นตัวการให้คนเราเกิดการเปรียบเทียบ
อีกกรณีหนึ่งที่ทำให้โซเชียลมีเดียเป็นตัวการให้ผู้คนรู้สึกโดดเดี่ยวในสังคมมากขึ้น นั่นก็เพราะว่า เราตกหลุมพรางของการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น เมื่อเราเลื่อนดูฟีดของคนอื่นไปเรื่อยๆ และเริ่มวัดคุณค่าของตนเองกับผู้อื่นในโลกโซเชียล มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ว่า คนเรามักจะตัดสินว่าตนเองแย่กว่าเพื่อนๆ ที่อยู่ในโลกโซเชียลเสมอ (รู้สึกว่าคนอื่นดีกว่าคุณ) จึงทำให้คนรู้สึกแย่ และอาจนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้เช่นกัน
4. เสพติดโซเชียลมีเดียเกินพอดี นำไปสู่อารมณ์ขี้อิจฉา
คนส่วนใหญ่ยอมรับว่าการได้เห็นไลฟ์สไตล์ชีวิตดีๆ ในวันหยุดพักผ่อนของคนอื่นนั้นน่าอิจฉา มีการศึกษาพบว่าการใช้โซเชียลมีเดียบ่อยๆ ทำให้เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาได้ และเกิดเป็นความรู้สึกในด้านลบในจิตใจ นั่นยิ่งทำให้ทุกคนในโลกออนไลน์ต้องการทำให้ชีวิตของตัวเองดูดีขึ้นเพื่อแข่งขันกับคนอื่นๆ และสิ่งนี้ก็จะต่อเนื่องเป็นวงจรที่ไม่มีที่สิ้นสุด และเมื่อเกิดความรู้สึกแบบนี้บ่อยๆ ก็เชื่อมโยงไปสู่ภาวะซึมเศร้าได้ด้วย
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ คงจะเห็นแล้วว่าการเสพติดโซเชียลมีเดียที่มากเกินพอดี สามารถส่งผลกระทบด้านลบกับสุขภาพจิตของผู้คนได้จริง! แล้วแบบนี้จะมีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้าง? เรื่องนี้มีคำตอบจาก sane.org ซึ่งเป็นองค์กรสุขภาพจิตชั้นนำในออสเตรเลีย มีคำแนะนำดังนี้
จำกัดการใช้งานโซเชียลมีเดียของคุณ
มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องป้องกันไม่ให้สื่อสังคมออนไลน์เข้ามารบกวนชีวิตประจำวันของคุณ ดังนั้น ทุกคนจึงควรแบ่งเวลาระหว่างวันในบางช่วงเพื่องดเล่นโซเชียลมีเดีย และออกไปใช้ชีวิต พบปะ ทำกิจกรรมกับครอบครัว เพื่อนฝูง ในโลกความเป็นจริง สิ่งนี้จะช่วยสร้างการเชื่อมต่อกับสังคมได้อย่างมีคุณภาพ และปรับปรุงให้สุขภาพจิตให้ดีขึ้น
ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อคุยทางไกลหรือยามจำเป็นเท่านั้น
โซเชียลมีเดียช่วยให้คุณเชื่อมต่อได้ทุกที่ทุกเวลา นี่เป็นข้อดีอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณอยู่ห่างไกลจากคนที่คุณห่วงใย แต่อย่างไรก็ตาม การวิจัยบางชิ้นพบว่าผู้ที่เรียกดูหรือเลื่อนดูโซเชียลมีเดียตลอดเวลา มักมีอาการซึมเศร้ามากกว่าคนที่ไม่ค่อยเล่นโซเชียลมีเดีย ดังนั้น หากคุณกำลังใช้โซเชียลมีเดียเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกเชื่อมโยงกับคนในโลกออนไลน์ ก็ควรใช้งานแค่พอประมาณเท่านั้น และแบ่งเวลาพักจากหน้าจอบ้าง
เลิกติดตามบัญชีบนโซเชียลที่ทำให้คุณรู้สึกแย่
จดบันทึกโพสต์หรือบัญชีออนไลน์ที่ก่อให้เกิดอารมณ์เชิงลบ เช่น ความกลัว ความรู้สึกผิด หรือความรู้สึกว่าตนเองไม่ดีพอ โดยให้กดปุ่ม “ซ่อน” หรือ “เลิกติดตาม” บัญชีเหล่านี้ รวมถึงสามารถกดรายงานบัญชีหรือโฆษณาที่คุณคิดว่าอาจไม่ปลอดภัยสำหรับคุณหรือผู้อื่นด้วยก็ยิ่งดี
——————————————-
อ้างอิง : etda.or.th, moviesrain, forbes, sane.org